Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงฟอร์มร้อนแรงของ เรอัล มาดริด กลายเป็นดาวเด่นของเกมด้วยการเหมาคนเดียวสองประตู และ ฮูโก้ เอกิติเก้ ก็เปิดซิงประตูแรกในนามทีมชาติ ส่งผลให้ ฝรั่งเศส เปิดบ้านถล่ม ยูเครน ไปอย่างขาดลอย 4-0 พร้อมคว้าสิทธิ์เข้าร่วมศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก ได้สำเร็จ
เกมนี้เริ่มต้นท่ามกลางบรรยากาศที่หนักอึ้ง หลังจากมีการยืนสงบนิ่งเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์โจมตีในปารีสเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (13 พฤศจิกายน)
แม้ว่าครึ่งแรกจะดำเนินไปด้วยความอึดอัด โดยแนวรับของยูเครนสามารถต้านทานการบุกของเจ้าบ้านไว้ได้อย่างเหนียวแน่น อนาโตลี ทรูบิน นายทวารยูเครน โชว์ฟอร์มเซฟลูกยิงของ เอ็มบัปเป้ และ บาร์โคล่า ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังคง 0-0

ดราม่าเริ่มต้นขึ้นในครึ่งหลัง เมื่อกรรมการปฏิเสธจุดโทษให้กับฝรั่งเศสในนาทีที่ 50 แม้จะมีการตรวจสอบ VAR ก็ตาม แต่ในอีก 4 นาทีต่อมา ฝรั่งเศสก็ได้จุดโทษ เมื่อ ทาราส มิคฮาฟโก้ เข้าปะทะกับ ไมเคิล โอลิเซ่ อย่างชัดเจน
เอ็มบัปเป้ ก้าวขึ้นมารับหน้าที่สังหารจุดโทษด้วยความมั่นใจ ยิงแบบ ‘ปาเนนก้า’ สุดเหนือชั้นเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 หลังจากปลดล็อกได้แล้ว เกมรุกของฝรั่งเศสก็ไหลลื่นทันที

เอ็มบัปเป้ ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในเกม (MVP) อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเงียบไปในครึ่งแรก แต่เขากลับมาระเบิดฟอร์มในครึ่งหลัง การทำสองประตูทำให้เขายิงประตูรวมในทีมชาติถึง 55 ประตู จี้ติดสถิติสูงสุดตลอดกาลของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และยังทำให้เขายิงประตูรวมในอาชีพครบ 400 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งสำหรับผู้ชนะฟุตบอลโลกปี 2018
ในทางกลับกัน เซอร์เกย์ เรบรอฟ กุนซือยูเครน ต้องเป็นผู้แพ้ที่น่าผิดหวัง หลังแท็กติกเกมรับในช่วงแรกใช้ได้ผล แต่ไม่มีแผนสำรองที่ดีพอเมื่อทีมเสียประตูไปแล้ว
เกาะติดกระแสร้อนแรงกับศึก ฟุตบอลโลก 2026 พร้อมผลบอลสด ตารางคะแนน และลิงก์ถ่ายทอดสดฟุตบอลทุกคู่